Skip to content
MB-logo-90x90
Home » ย้อนตำนาน 21 ปี “iPod” หลัง “Apple” เลิกผลิต

ย้อนตำนาน 21 ปี “iPod” หลัง “Apple” เลิกผลิต

  • iPod

ย้อนตำนาน 21 ปี “iPod”

เมื่อวันอังคาร (10 พ.ค.2565) “Apple Inc.” บริษัทเทคโนโลยียักษ์ของสหรัฐ ประกาศผ่านเว็บไซต์อย่างเป็นทางการว่า ได้ยุติการผลิต “iPod Touch” ที่เป็นสินค้าตัวสุดท้ายในตระกูล “iPod” ใครมีเก็บไว้แน่นๆ เลยนะ ราคาพุ่งแน่ๆ ว่าแล้วก็มาย้อนดูอดีตของ iPod ตั้งแต่ตัวแรกกันดีกว่า

“iPod” เป็นเครื่องเล่นเพลงแบบพกพา ของ “Apple” เปิดตัวครั้งแรกในปี 2544 ซึ่งต่อมาถูกเรียกว่า “iPod Classic” โดยยอดขายของ iPod ทุกรุ่นตั้งแต่เปิดตัวมาจนถึงปัจจุบัน รวมอยู่ที่ประมาณ 450 ล้านเครื่องทั่วโลก

ส่วนหนึ่งในแถลงการณ์ “เกร็ก จอสเวียค” (Greg Joswiak) รองประธานอาวุโสฝ่ายการตลาดทั่วโลกของ Apple กล่าวว่า “ดนตรีเป็นส่วนสำคัญที่อยู่กับ Apple มาโดยตลอด ตลอดเวลาที่ผ่านมา iPod ได้ทำให้ผู้ใช้งานหลายร้อยล้านคนได้สัมผัสกับประสบการณ์การฟังเพลงได้ในทุกที่ ทุกเวลา ซึ่งไม่ใช่เพียงเปลี่ยนโฉมหน้าอุตสาหกรรมดนตรีเท่านั้น แต่ยังนำเสนอวิธีการฟัง ค้นหาเพลงใหม่ และการแชร์เพลงอีกด้วย”

วันนี้เป็นฤกษ์ดี เราจะมาร่วมบันทึกตำนานลงบนเว็บเล็กๆ แห่งนี้กัน เพื่อหวังว่าลูกหลานอาจจะได้เข้ามาอ่านกัน ไปดูพัฒนาการของ iPod ทั้ง 5 รุ่น ได้แก่ “iPod Classic” “iPod Mini” “iPod Nano” “iPod Shuffle” จนถึง “iPod Touch” รุ่นสุดท้าย แต่ละรุ่นจะมีจุดเด่นยังไงบ้าง

ย้อนตำนาน 21 ปี “iPod”


iPod Classic

สำหรับ iPod Classic นั้น เปิดตัวทั้งหมด 6 รุ่นด้วยกัน และถือว่า เป็นซีรี่ส์แรกของผลิตภัณฑ์ในตระกูล iPod และเป็นต้นแบบดีไซน์ของ iPod รุ่นถัดไปอีกด้วย

 
  • iPod Classic Gen 1 (2001)

สำหรับดีไซน์ของ iPod รุ่นแรกนั้น ถือว่า เป็นรุ่นแบบของ iPod รุ่นถัด ๆ ไป ด้วยปุ่มควบคุมการทำงานแบบวงกลม (Scroll Wheel) มาพร้อมกับขนาดความจุ 5 GB ราคา $399 ก่อนจะเปิดตัวรุ่น 10 GB ในภายหลัง ซึ่งรุ่นนี้มีพอร์ตการเชื่อมต่อแบบ FireWire และรองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Mac เท่านั้น

  • iPod Classic Gen 2 (2002)

สำหรับรุ่นนี้ถือว่า เป็นรุ่นอัปเกรดจากรุ่นแรก เปิดตัววันที่ 17 กรกฏาคม 2002 ด้วยการเปลี่ยนปุ่มแบบ Scroll Wheel มาเป็น Touch-Sensitive Wheel หรือระบบสัมผัสแทน พอร์ตการเชื่อมต่อยังคงเป็น FireWire มีขนาด 10 GB และ 20 GB ให้เลือก และเพิ่มการรองรับกับ Windows แล้ว

  • iPod Classic Gen 3 (2003)

เปิดตัวเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2003 ด้วยดีไซน์แบบใหม่ บางกว่ารุ่นก่อนหน้า ตัว Wheel เป็นระบบสัมผัส และย้ายตำแหน่งปุ่มควบคุมจาก Wheel มาไว้ที่ด้านล่างหน้าจอแทน อีกทั้ง ยังเป็นรุ่นแรกที่ใช้พอร์ตการเชื่อมต่อแบบ 30-pin ที่ถือว่า เป็นต้นแบบของอุปกรณ์ Apple ชิ้นอื่น ๆ เลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ ยังมี dock สำหรับชาร์จแบตเตอรี่และถ่ายโอนข้อมูลอีกด้วย

  • iPod Classic Gen 4 (2004)

ถัดจากการเปิดตัว iPod Mini Gen 1 ไม่นาน ซีรี่ส์ Classic ก็มีการเปิดตัวรุ่นสานต่อรุ่นที่ 4 เมื่อวันที่ 19 กรกฏาคม 2004 ที่นำการควบคุมแบบ Click Wheel จาก iPod Mini มาใช้กับรุ่น Classic พร้อมปรับดีไซน์ให้มีขนาดเล็กกว่า iPod Classic Gen 3 เล็กน้อย มีให้เลือก 2 ขนาดความจุ ได้แก่ 20 GB และ 40 GB

  • iPod Classic Gen 4 (Photo Color Edition)

และหลังจากนั้น ได้เปิดตัวรุ่นอัปเกรดในวันที่ 26 ตุลาคม 2004 มีขนาดความจุ 30 GB, 40 GB และ 60 GB ให้เลือก ซึ่งเป็นรุ่นหน้าจอสี สามารถดูรูปภาพได้ ก่อนจะเปิดตัวรุ่นอัปเกรด ขนาด 20 GB ราคาถูกลงแทน

  • iPod Classic Gen 5 (2005)

สำหรับ Gen 5 นั้น เป็นรุ่นที่มีการเปลี่ยนแปลงดีไซน์ใหม่แบบครั้งใหญ่ ด้วยบอดี้ที่บางลง หน้าจอใหญ่ขึ้นเนื่องจากเน้นการใช้งานด้านวีดีโอเป็นหลัก มีให้เลือก 2 สีได้แก่ สีขาว และ สีดำ มีขนาดความจุ 30 GB และ 80 GB ในตอนแรก ก่อนจะเปิดตัวรุ่น 60 GB แทนที่ 80 GB ในภายหลัง (ปี 2006)

  • iPod Classic Gen 6 (2007)

เปิดตัวเมื่อวันที่ 5 กันยายน ปี 2007 พร้อมเปลี่ยนบอดี้แบบพลาสติก เป็น Anodized Aluminium พร้อมเปิดตัวสีเงินแทนสีขาว และอินเทอร์เฟสแบบใหม่ ขนาดความจุสูงสุดอยู่ที่ 160 GB ก่อนจะเลิกจำหน่ายซีรีส์นี้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2014 และถือว่า เป็นรุ่นสุดท้ายของ iPod Classic

iPod mini

สำหรับ iPod mini มีทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกัน เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2004 และรุ่นสุดท้ายในปีถัดไป ก่อนจะแทนที่ด้วย iPod nano

  • iPod Mini Gen 1 (2004)

สำหรับ iPod Mini นั้น เป็นรุ่นย่อส่วนของ iPod Classic มีขนาดที่เล็กกว่า เปิดตัวรุ่นแรกเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2004 และเป็นรุ่นแรกกับเมนูการควบคุมแบบ Click Wheel ที่รวมปุ่มกดและปุ่มหมุนเข้าด้วยกัน ขนาดความจุ 4 GB มีให้เลือก 5 สี

  • iPod Mini Gen 2 (2005)

เปิดตัวเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2005 ด้วยสีสันที่สดใสกว่า และแบตเตอรี่ใช้ได้ยาวนานกว่า โดย iPod Mini เปิดตัวแค่ 2 รุ่นเท่านั้น ก่อนจะถูกแทนที่ด้วย iPod nano ที่เปิดตัวช่วงปลายปี 2005

iPod nano

iPod nano นั้น ถือว่า เป็นอีกรุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ด้วยดีไซน์เพรียวบางและพกพาสะดวก มีทั้งหมด 7 รุ่นด้วยกัน ได้แก่

  • iPod nano Gen 1 (2005)

iPod nano เปิดตัวครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2005 ซึ่งเป็นรุ่นที่มาแทน iPod Mini ด้วยรูปทรงแบบยาว หน้าจอสี ใช้หน่วยความจำแบบ Flash Memory มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาว และสีดำ ขนาด 1 GB, 2 GB และ 4 GB

  • iPod nano Gen 2 (2006)

เปิดตัวเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2006 ด้วยบอดี้แบบ Anodized Aluminium มี 6 สีให้เลือก ขนาดความจุ 2 GB, 4 GB และ 8 GB

  • iPod nano Gen 3 (2007)

เปิดตัวเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2007 ด้วยการเพิ่มขนาดหน้าจอเป็น 2 นิ้ว ความละเอียดระดับ QVGA เปลี่ยนดีไซน์ให้มีขนาดเล็กลง, ปุ่มการควบคุมแบบ Click Wheel, อินเทอร์เฟสแบบใหม่ และรองรับการใช้งานด้านวีดีโอ มีให้เลือก 2 ขนาดความจุ ได้แก่ 4 GB และ 8 GB

  • iPod nano Gen 4 (2008)

เปิดตัว 9 กันยายน 2008 นำดีไซน์รูปทรงยาวกลับคืนมา บอดี้เป็นแบบ Anodized Aluminium ทั้งหมด มี 3 ขนาดความจุให้เลือก ได้แก่ 4 GB, 8 GB และ 16 GB

  • iPod nano Gen 5 (2009)

เปิดตัว 9 กันยายน 2009 ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ขึ้น, เพิ่มกล้องถ่ายรูป สามารถถ่ายภาพและบันทึกวีดีโอได้, มีวิทยุ FM ในตัว และมีสีสันให้เลือกเหมือนรุ่น Gen 4

  • iPod nano Gen 6 (2010)

สำหรับรุ่นนี้ เป็นรุ่นแรกที่มาพร้อมกับหน้าจอแบบสัมผัส เปิดตัว 1 กันยายน 2010 ดีไซน์สี่เหลี่ยมจัตุรัส และตัดปุ่มควบคุมการทำงานแบบเดิม ออก นอกจากนี้ ยังตัดกล้องถ่ายรูป และลำโพงเสียงออกไปด้วย

  • iPod nano Gen 7 (2012)

รุ่นสุดท้ายของ iPod nano เปิดตัวเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2012 กับดีไซน์รูปทรงยาว หน้าจอแบบสัมผัสขนาด 2.5 นิ้ว และนำคุณสมบัติด้านวีดีโอกลับมา และเพิ่มการเชื่อมต่อแบบ Bluetooth

iPod Shuffle

สำหรับ iPod Shuffle นั้น มีดีไซน์ไม่เหมือนกับ iPod ซีรี่ส์อื่น เนื่องจากไม่มีหน้าจอ แต่มีขนาดที่กะทัดรัด พกพาได้สะดวก เปิดตัวทั้งหมด 4 รุ่นด้วยกัน ได้แก่

  • iPod Shuffle Gen 1 (2005)

สำหรับ iPod Shuffle รุ่นแรก เปิดตัวเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2005 ด้วยดีไซน์เล็ก กะทัดรัด คล้าย Flash Drive ไม่มีหน้าจอเหมือน iPod Classic และไม่มีปุ่มควบคุมการเล่นเพลง ซึ่งจะสามารถเล่นเพลงได้ตามลำดับจากการตั้งค่าในคอมพิวเตอร์ และเล่นแบบสุ่มเท่านั้น จึงเป็นที่มาของคำว่า Shuffle (สุ่ม) นั่นเอง โดยรองรับเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ผ่านพอร์ต USB

  • iPod Shuffle Gen 2 (2006)

เปิดตัว 12 กันยายน 2006 เปลี่ยนดีไซน์จาก Flash Drive มาเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ด้วยบอดี้แบบ Anodized Aluminium ขนาดความจุ 1 GB และ 2 GB

  • iPod Shuffle Gen 3 (2009)

3 ปีให้หลัง แอปเปิล ได้เปิดตัว iPod Shuffle Gen 3 เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2009 ด้วยดีไซน์ขนาดเล็ก พร้อมคลิปหนีบ และเพิ่มปุ่มควบคุมที่สายหูฟัง พร้อมฟีเจอร์ Voice Over มีให้เลือก 2 สี

  • iPod Shuffle Gen 4 (2010)

รุ่นสุดท้ายของ iPod Shuffle เปิดตัว 1 กันยายน 2010 ด้วยดีไซน์ทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส เพิ่มปุ่มควบคุม รองรับฟีเจอร์ Voice Over มีให้เลือก 5 สี ขนาด 2 GB

iPod Touch

หลังจากการเปิดตัว iPhone รุ่นแรกเพียงไม่นาน ก็ได้เผยโฉม iPod Touch ที่มีดีไซน์คล้าย iPhone ซึ่งปัจจุบัน มีทั้งหมด 6 รุ่นด้วยกัน ได้แก่

  • iPod Touch Gen 1 (2007)

สำหรับรุ่นนี้ ถือว่า เป็น iPod รุ่นแรกที่มาพร้อมกับการเชื่อมต่อ Wi-Fi และอินเทอร์เฟสแบบมัลติทัช, มีเบราว์เซอร์ Safari , iTunes Store และ YouTube รองรับระบบปฏิบัติการ iOS และสามารถเข้าใช้งาน App Store ได้ เปิดตัว 5 กันยายน 2007

  • iPod Touch Gen 2 (2008)

ถัดมาอีกปี กับ iPod Touch Gen 2 เปิดตัว 9 กันยายน 2008 ที่มาพร้อมกับฟังก์ชัน Nike+ และเพิ่มปุ่มปรับระดับเสียงกับลำโพงเสียงเข้ามา เปิดตัวด้วยระบบปฏิบัติการ iOS 2.0 สามารถเข้าใช้งาน App Store ได้ ก่อนจะอัปเกรดเป็น iOS 3.0 ที่เพิ่มคุณสมบัติด้านการเชื่อมต่อ Bluetooth เข้ามา

  • iPod Touch Gen 3 (2009)

เปิดตัว 9 กันยายน 2009 ด้วยการอัปเกรดคุณสมบัติบางอย่างจาก iPhone 3GS, รองรับ Voice Control (สั่งการด้วยเสียง) มีให้เลือก 2 ขนาด ได้แก่ 32 GB และ 64 GB

  • iPod Touch Gen 4 (2010)

เปิดตัว 1 กันยายน 2010 ด้วยการปรับเปลี่ยนดีไซน์ให้บางลง และสเปกคล้าย iPhone 4 ด้วยชิปเซ็ต Apple A4 และหน้าจอแบบ Retina Display, เพิ่มกล้องทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ซึ่งรุ่นนี้ คล้าย iPhone 4 อย่างมาก เพียงแค่โทรออกไม่ได้เท่านั้น

  • iPod Touch Gen 5 (2012)

เปิดตัว 12 กันยายน 2012 ภายหลังการเปิดตัว iPhone 5 ไม่นาน ทำให้ iPod Touch Gen 6 มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ให้คล้าย iPhone 5 นั่นก็คือ หน้าจอขนาด 4 นิ้ว แบบ Retina Display, ชิปเซ็ต Apple A5, รองรับ Siri โดยรุ่นนี้มีการปรับปรุง 2 รอบด้วยกัน รอบแรกไม่มีกล้อง iSight ก่อนเปิดตัวรุ่นอัปเกรดในปี 2014 ด้วยการเพิ่มกล้อง iSight เข้ามา

  • iPod Touch Gen 6 (2015)

เปิดตัว 15 กรกฎาคม 2015 กับการอัปเกรดสเปกใหม่ ทั้งกล้องถ่ายรูป, ชิปเซ็ต Apple A8 + M8, มี 5 สีสันให้เลือก และเพิ่มขนาดความจุ 128 GB

  • iPod Touch Gen 7 (2019)

มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ Space Gray, Gold, Silver, Pink, Blue และ (PRODUCT)RED เคาะราคาเริ่มต้นที่ 6,900 บาท สำหรับรุ่น 32 GB, 10,900 บาท สำหรับรุ่น 128 GB และ 14,900 บาท สำหรับรุ่น 256 GB

เนื่องจากทุกวันนี้ เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าไปไกลทำให้ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของ Apple สามารถฟังเพลงได้หมดแล้ว iPod ที่มีวัตถุประสงค์หลักในการฟังเพลง แทบไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป Apple จึงได้ตัดสินใจยุติการผลิต iPod Touch สินค้าตัวสุดท้ายของตระกูล iPod แต่จิตวิญญาณของ iPod จะยังดำรงอยู่ต่อไปในทุกผลิตภัณฑ์ของ Apple ดังส่วนหนึ่งของแถลงการณ์ที่ระบุว่า

“ทุกวันนี้ จิตวิญญาณของ iPod ยังคงอยู่ เราได้ผสานประสบการณ์ทางดนตรีอันน่าทึ่งในผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของเรา ตั้งแต่ iPhone, Apple Watch, HomePod mini, Mac, iPad Apple TV และ Apple Music พร้อมทั้งมอบคุณภาพเสียงระดับระดับดีเยี่ยมด้วยการรองรับเสียงรอบทิศทาง ไม่มีทางใดที่จะดีไปกว่านี้อีกแล้วสำหรับความเพลิดเพลิน ค้นพบ และสัมผัสประสบการณ์ทางดนตรี”

โพสต์นี้ขอยกย่องแด่ความอมตะนิรันดร์การของ iPod ฮะ ย้อนตำนาน 21 ปี “iPod”

We use cookies

Cookies help us deliver the best experience on our website. By using our website, you agree to the use of cookies. Find out how we use cookies.